ลดความกดดัน เพิ่มพลังบวกให้กับตัวเอง

ลดความกดดัน เพิ่มพลังบวกให้กับตัวเอง


เคยเป็นกันไหมคะ เวลาที่เจออะไร ที่มีผลต่อสภาพจิตใจของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องหน้าที่การงาน ความรัก หรือเรื่องจิปาถะมากมาย แต่สามารถเพิ่มให้เราเครียดได้มาก จนกลายเป็น ความกดดัน

 

สิ่งที่เรียกว่าความกดดัน ก่อให้เกิดความเครียดนานัปการ เรียกว่านับไม่ถ้วนเลยดีกว่า เพราะสิ่งที่ตามมา ก็จะมีทั้งเรื่องของสุขภาพกาย และ สุขภาพจิตที่ทรุดโทรม เพราะพอกดดัน เราก็อยากจะอยู่กับตัวเอง แทบจะไม่ขยับตัวไปไหน ใจลอยอยู่ที่เดิม แต่ละคนล้วนมีทั้งความกดดัน และความเครียดกันคนละแบบ แต่ไม่ว่าจะน้อยหรือมาก ก็ล้วนส่งผลต่อตัวเรา ได้ด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครหรอก ที่ชีวิตนี้ไม่เคยกดดัน

 

แล้วนิยามของคำว่า ‘ ความกดดัน ( Pressure ) มันเกิดจากอะไรล่ะ เกิดจากความหวังของคนรอบตัว เช่น พ่อแม่ ญาติ เพื่อน พี่น้อง หรือแม้แต่แฟน คาดหวังในตัวเรา ทั้งผ่านในเรื่องของการกระทำ และคำพูด บางครั้งเขาพูดกับเรา เพราะอาจเป็นห่วงเราจากใจจริง แต่เขาอาจจะไม่รู้เสมอไป ว่าขณะที่อีกฝ่ายพูดกับเรานั้น เรากำลังรู้สึกอย่างไร เขาอาจจะรู้ทั้งรู้อยู่เต็มอก แต่ก็เลือกที่จะพูดออกมา ในขณะที่บางคน ก็ไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของคนที่กำลังพูดด้วยซักเท่าไหร่ หรือที่ภาษาปากเขาพูดกันว่า ‘ พูดไม่คิด ’ กันน่ะแหละ

 

ตัวอย่างนานาประโยค ที่มีผลต่อความกดดันทั้งปวง

 

‘ คุณตาคุณยาย เขารักหนูมากเลยนะ เขาอยากเห็นหนูสวย หนูลดความอ้วนนะ ตอนนี้ หน้าท้องหนูยื่น เหมือนกับคนท้องเลย ’ จาก คุณแม่ท่านหนึ่ง

 

‘ เรียนคณะนี้มันหางานยาก อย่าเรียนเลย ไปเรียนคณะนี้ที่ดูไว้ให้ดีกว่า อนาคตดีนะ ’ จาก คุณแม่อีกท่านหนึ่ง

 

หรือ ประโยชน์ที่เหมือนจะน่ารัก แต่เรา กลับน่ารักด้วยไม่ออก

 

‘ ตัวเอง อ้วนไปหน่อยละนะ ดูแฟนของไอ้ C ดิ ทั้งสวยทั้งผอม แต่ไม่เป็นไร ลดน้ำหนักตอนนี้ก็ทันนะ ’  จาก คุณแฟนปากบอน

 

‘ดูซิ เลี้ยงลูกยังไง ทำไมปล่อยให้อ้วนขนาดนี้ ดูลูกพี่ลูกน้องเราสิ เมื่อก่อนเคยอ้วน ตอนนี้ผอมแล้ว เอาน่ะ เดี๋ยวก็ผอมได้ ’ จาก มนุษย์ญาติ

 

เพราะบางที คำพูดบางคำ ที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจพูดออกมา หรือเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่มันกลับสร้างบาดแผลให้กับคนฟัง โดยไม่รู้ตัวในบางที

 

แต่บางที ความกดดัน ก็อาจจะมาในรูปแบบของความเงียบ หรือ ผ่านการกระทำ การที่ตัวของเรา เผลอเอาตัวเองไปเปรีบบเทียบกับคนอื่น เช่น เราอาจจะส่งงานช้าที่สุดบ่อย น้อยครั้งที่จะส่งงานก่อนคนอื่น หรือเราอาจเคยทำดีมากมาก่อน จนมาถึงในจุดหนึ่งที่เราเริ่มทำได้ไม่ค่อยน่าพอใจสำหรับตัวเอง จนเกิดความรู้สึกกดดันเล็กน้อยตรงที่ว่า อาจารย์ หรือหัวหน้างาน จะยังคิดชื่นชมเรา เหมือนกับเมื่อก่อนอยู่หรือไม่ อย่างไร

 

แล้วเราควรจะรู้สักอย่างไรต่อ...ผู้เขียนมีตัวเลือกให้ค่ะ

 

ก. ทำใจยอมรับให้ได้ เพราะมันคือความจริง

ข. พูดตรง ๆ กับคนที่เขาพูด แล้วทำให้เรารู้สึกอย่างนั้น  

ค. พยายามไม่คิดอะไรมาก กดดันเพียงชั่วครู แล้วปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลาย

ง. ถูกทุกข้อ

 

อ่ะ! ยังไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ แต่ผู้เขียน อยากให้ผู้อ่านทุกท่าน ที่กำลังเครียด หรือกดดันจากเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ลองมาอ่าน วิธีการเพิ่ม ‘ พลังบวก ’ ให้กับตัวของเราเองกันก่อน แล้วค่อยกลับย้อนขึ้นมาดูชอยส์ก็ได้ เพราะว่าผู้เขียนจะไม่เฉลยค่ะ ว่าจะต้องเลือกข้อไหน

 

 

การเพิ่มพลังบวก ลำดับแรก

การรู้ว่าตัวเอง กำลังกดดันเรื่องอะไร แล้วการวิเคราะห์สาเหตุ ว่าที่มาของความกดดันเหล่านั้น เกิดจากอะไร มันเริ่มที่ตัวของเรา หรือ เริ่มจากตัวของคนรอบข้าง หรือ คนไกลตัว หากรู้สึกว่ามันทั้งอึดอัด ที่หลายอย่างหลายสิ่งที่มันอัดแน่นอยู่เต็มหัว ก็ลองเขียนลิสต์มาเป็นข้อ ๆ ถึงสาเหตุเหล่านั้น หรือจะเป็นการพึมพำกับตัวเอง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเราในตอนนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่เรียบเรียงลำดับไม่ทัน ว่าตอนนี้ความกดดันได้เกิดขึ้นกับตัวเองแล้วหรือยัง

 

ลำดับถัดมา ลองปรับทุกข์

นึกฉากเวลาที่ตัวละคร บ่นพึมพำความรู้สึกของตัวเอง หลังจากที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ กันออกไหมคะ เป็นการสื่อสารอย่างหนึ่ง ที่จะทำให้ผู้ชมเข้าจความรู้สึก เข้าใจว่าตัวละครกำลังต้องการอะไร และจะแก้ปัญหาที่เจอในลำดับถัดไป อย่างไร

 

เราอาจสมมติตัวของเราเอง เป็นเหมือนตัวละครตัวหนึ่ง แต่เพิ่มเติมคือผู้ชมในรอบนี้ ก็คงจะเป็นตัวของเรา ที่มองตัวเองพูดคุยในตัวกระจก หรือหากเรารู้สึกไว้ใจใครซักคนหนึ่งมาก เราก็ลองสื่อให้เขาคนนั้นได้รู้ สนทนาถกเถียงสาเหตุ กับคนที่เราคุยด้วยแล้ว รู้สึกสบายใจเหมือนกำลังเล่าเรื่องจิปาถะทั่วไป จนกว่า เราจะได้ข้อสรุปที่แท้จริง ว่าความกดดันเหล่านั้น แท้จริงมีต้นตอมาจากอะไร

 

ลำดับสุดท้าย ปล่อยวาง หรือ เคร่งต่อ

จะว่าบทความนี้ คล้ายกับหลักธรรมการรู้ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ก็ว่าได้ นั่นก็คือการรู้ความทุกข์ ความทุกข์เกิดจากอะไร แล้วเราจะต้องทำอย่างไร ถึงจะหลุดพ้นจากความทุกข์เหล่านั้น ก็คงจะเหมือนกันความเครียด ที่พอได้รู้ด้วยตัวเอง หรือมีคนที่เราพูดคุยแนะนำมา

 

จากนั้น เราก็ลองมาคิดกัน ว่าเราจะปล่อยเรื่องที่เกิดขึ้น ( ในกรณีที่เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแย่ มีผลกระทบต่อจิตใจ ) หรือเรา จะยังเก็บเรื่องเหล่านั้นมาใส่ใจ ซึ่งเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ ผู้เขียนคอนเฟิร์มว่า ทุกคนล้วนที่อยากจะลืมมันด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากนำความกดดัน และสาเหตุที่ทำให้เรากดดันมาใส่ใจหรอก จริงไหม  

 

ดังนั้น การสร้างพลังบวก ให้กับตัวของเราเอง เป็นสิ่งที่หากทำได้ ก็ควรจะจำเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะค่ะ เพราะนอกจากจะเป็นการนำเอาความกดดันออกไปจากความคิดได้ ยังทำให้เราได้รู้จักตัวตนใหม่ของตัวเอง ที่คุณอาจจะได้เจอโดยไม่รู้ตัว หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้กับตัวของเราเองต้องเผชิญ แถมยังมีส่วน ที่จะทำให้ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตของคุณแข็งแรงขึ้น หลังจากก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดหลาย ๆ อย่างมาได้

 

ถ้าเป็นคุณ หากย้อนกลับขึ้นไปตอบคำถาม คุณจะตอบข้อไหนดีล่ะ

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประโยชน์จากกล้วย ที่ไม่กล้วย

ผลของการนอนน้อยอันตรายขนาดไหน มาดูกัน


ผงกล้วยน้ำว้าดิบ รักษากรดไหลย้อนได้จริงหรือไม่

ผงกล้วยน้ำว้าดิบ รักษา กรดไหลย้อน ได้จริงหรือไม่

ทำความรู้จักกับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1

ทำความรู้จักกับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1