บริโภคอกไก่อย่างไรให้ปลอดภัย ?
เคยมีงานวิจัยเผยว่าอกไก่อาจไม่ทำให้เกิดพิษหรือเป็นอันตรายใด ๆ ต่อสุขภาพหากบริโภคในรูปแบบของอาหาร แต่ในปัจจุบันด้านกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขประเทศไทยได้เปิดเผยว่า บางครั้งเนื้อไก่สดอาจจะปนเปื้อนเชื้อโรคต่าง ๆ และมีสารพิษตกค้างที่เป็นอันตรายทำให้ผู้บริโภคเสี่ยงเกิดการเจ็บป่วยได้ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงควรเลือกซื้อและรับประทานอกไก่อย่างระมัดระวังในปริมาณที่เหมาะสมเสมอ
เชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจปนเปื้อนในอกไก่
- สารบอแรกซ์ เป็นสารที่ก่อมะเร็งร้ายแรง ซึ่งสารนี้ผู้ผลิตอาหารจะนิยมใช้ เพราะทำให้อาหารมีลักษณะยืดหยุ่น กรอบ และอร่อย ซึ่งอาจเจือปนอยู่ในเนื้อไก่หรือไก่บด
- สารฟอร์มาลีน สารนี้จะทำให้ความสดของเนื้อไก่ยังคงอยู่ หากรับประทานเป็นระยะเวลานานต่อเนื่องอาจเสี่ยงเป็นหมัน โรคตับ ไตเสื่อม และโรคมะเร็งได้ โดยพบสารนี้ได้ทั้งในเนื้อไก่สดและเนื้อไก่แปรรูป
- เชื้อแบคทีเรีย เช่น เชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella) และเชื้ออีโคไล (E. coli) ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในเนื้อไก่ ซึ้งเป็นสาเหตุของภาวะอาหารเป็นพิษ
- เชื้อไวรัส เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์อาจเป็นไวรัสที่พบในสัตว์ปีกอย่างไก่ เช่น H5N1 และ H7N9 ซึ่งเชื้อดังกล่าวอาจตกค้างอยู่ในเนื้อไก่ดิบ และหากรับประทานเข้าไปก็อาจทำให้ติดเชื้อจนเป็นโรคไข้หวัดนกได้
คำแนะนำในการบริโภคอกไก่
- เลือกซื้อจากร้านค้าที่สะอาดได้มาตรฐาน หรือร้านที่มีการรับรองคุณภาพจากกรมปศุสัตว์
- เลือกอกไก่ที่ถูกเก็บรักษาด้วยความเย็น เพราะจะช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
- เลือกซื้อเนื้อไก่ที่สีธรรมชาติ เนื้อไม่คล้ำ ไม่มีจุดเลือดออก ไม่มีรอยฟกช้ำ และไม่มีกลิ่นเหม็นหืน
- เก็บเนื้อไก่ที่ซื้อมาใส่ตู้เย็นทันที ในอุณหภูมิต่ำกว่า 4.4 องศาเซลเซียสสำหรับใช้ประกอบอาหารภายใน 1-2 วัน หรือเก็บในช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -17.8 องศาเซลเซียส หากต้องการเก็บไว้ในระยะยาว
- ปรุงอกไก่ให้สุกดีเสมอ เพราะจะช่วยฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ เช่น การอบอกไก่ควรใช้ความร้อนประมาณ 177 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 20-30 นาที อาจจะต้มหรือตุ๋นอกไก่นาน 25-30 นาที หรือปิ้งย่างอกไก่นาน 6-8 นาที/ด้าน เป็นต้น