น้ำมันมะพร้าวสำหรับปรุงอาหาร ตัวช่วยทำให้คุณมีความสุขกับการทานของทอด

น้ำมันมะพร้าวสำหรับปรุงอาหาร ตัวช่วยทำให้คุณมีความสุขกับการทานของทอด


เทรนด์รักสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ ทำให้คนเริ่มหันมาใส่ใจในการเลือกทานอาหารมากขึ้น รวมไปถึงเลือกใช้น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ วันนี้เรามีตัวช่วยดี ๆ อย่าง น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคสำหรับปรุงอาหาร (Organic Coconut Oil Cooking) ที่จะทำให้คุณมีความสุขกับการทานของทอดได้มากขึ้น และมีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพน้อยลง


อย่างที่บอกไปว่าคนเริ่มหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายการรับประทานอาหาร รวมไปถึงการเลือกสรรอาหาร วัตถุดิบ เพื่อนำมาปรุงอาหาร โดยจะเลือกที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่ง น้ำมันมะพร้าวกำลังได้รับความนิยมในการนำมาปรุงอาหาร


หลาย ๆ คนมักมองว่า น้ำมันมะพร้าว เป็นน้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวสูง จึงไม่สมควรรับประทาน แต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ อาจารย์ประจำสถานบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้ข้อมูลในวันแถลงข่าวเรื่อง น้ำมันดี น้ำมันเลว มีจริงไหมไว้ว่า


แม้ว่าน้ำมันมะพร้าวจะมีกรดไขมันอิ่มตัวสูง แต่ต่างจากน้ำมันชนิดอื่นตรงที่ ส่วนประกอบของน้ำมันมะพร้าวประมาณครึ่งหนึ่ง มีความยาวโมเลกุลปานกลาง (Medium chain fatty acid) เมื่อร่างกายได้รับจะย่อยง่ายและดูดซึมได้ทันที ทำให้มีการสะสมในร่างกายน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น ที่มีกรดไขมันอิ่มตัวเช่นเดียวกัน


ด้วยคุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง จึงเหมาะแก่ การผัด การทอด เพราะสามารถทนความร้อนได้สูง ทอดอาหารแล้วกรอบได้นาน เปลี่ยนแปลงสภาพน้อยเมื่อเจอความร้อนสูง ไม่ทำให้ของทอดอมน้ำมัน ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน ทำให้อาหารมีรสชาติกรอบอร่อย นอกจากนี้แล้ว การใช้น้ำมันมะพร้าวสำหรับปรุงอาหาร ไม่ทำให้ระดับไขมันตัวร้าย (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น แต่กลับช่วยเพิ่มระดับไขมันตัวดี (HDL) ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดแทน


น้ำมันมะพร้าวสำหรับปรุงอาหาร  1 ช้อนชา ให้พลังงานประมาณ 39 kcal ไม่มีคอเรสเตอรอล พลังงานทั้งหมดมาจากไขมัน ดังนั้น ควรใช้น้ำมันมะพร้าวสำหรับปรุงอาหาร ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ควรเกินปริมาณไขมันรวมที่ร่างกายต้องการ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 25-30% ของปริมาณพลังงานรวมที่ร่างกายต้องการ


การทอดอาหารด้วยน้ำมันมะพร้าว ทำให้อาหารกรอบได้นานก็จริง แต่ศึกษาด้วยว่าการทำอาหารทอดนั้น เมนูไหนต้องใช้ไฟแรง เมนูไหนต้องใช้ไฟอ่อน เมนูไหนต้องใช้ไฟปานกลางเมนูทอด  ไม่เช่นนั้นอาจมีปัญหาการทอดแล้วอมน้ำมัน การเหม็นหืนน้ำมัน นั่นเอง


ประเภทของการทอด


1. การทอดโดยใช้น้ำมันน้อย (pan frying)

การทอดโดยใช้น้ำมันน้อย เป็นการทอดโดยการใช้น้ำมันหรือไขมันปริมาณเล็กน้อยเพียงเพื่อเคลือบบนผิว ป้องกันไม่ให้อาหารติดภาชนะทอด หรือให้เกิดกลิ่น รส ที่ต้องการ ซึ่งกระทะที่ใช้ทอดเป็นกระทะก้นตื้น


2. การทอดโดยใช้น้ำมันมากหรือน้ำมันท่วม (deep fat frying)

การทอดโดยใช้น้ำมันมากหรือน้ำมันท่วม เป็นการทอดที่ใช้น้ำมันปริมาณมาก โดยอาหารที่ทอดจะจมอยู่ในภาชนะที่บรรจุน้ำมัน เกิดลักษณะผิวหน้าที่แห้ง กรอบ เปลือกเป็นสีน้ำตาล

 

คำแนะนำในการใช้น้ำมันในการทอดอาหาร

- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันที่ทอดซ้ำ ควรใช้เพียง 1- 2 ครั้ง แล้วทำการเปลี่ยนน้ำมันจะดีที่สุด

- หากจำเป็นต้องใช้น้ำมันเพื่อทอดซ้ำ ให้ผสมน้ำมันเก่า 1 ใน 3 ส่วน แต่ถ้าน้ำมันมีกลิ่นเหม็นหืน เหนียวข้น สีคล้ำ ไม่ควรนำมาทำอาหารต่อ

- น้ำมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู น้ำมันวัว ไม่ควรนำมาทอดอาหาร เพราะเป็นน้ำมันที่มีคอเลสเตอรอลสูง

- ไม่ควรทอดอาหารด้วยไฟที่แรงเกินไป เพราะ อาจจะทำให้น้ำมันเสื่อมสภาพเร็ว


หากสนใจสั่งซื้อสินค้า :  น้ำมันมะพร้าวออร์แกนิคสำหรับปรุงอาหาร


ด้วยความปรารถนาดีจาก Pordeeshops


ผงกล้วยน้ำว้าดิบ รักษากรดไหลย้อนได้จริงหรือไม่

ผงกล้วยน้ำว้าดิบ รักษา กรดไหลย้อน ได้จริงหรือไม่

ทำความรู้จักกับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1

ทำความรู้จักกับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1