มะพร้าวกะทิและกะทิแตกต่างกันยังไง

มะพร้าวกะทิไม่ใช่มะพร้าวสำหรับเอามาทำแกง  มะพร้าวกะทิและกะทิไม่เหมือนกันแต่ละตัวมีวิธีการกินและวิธีนำไปใช้ไม่เหมือนกัน เรามาดูกันว่าระหว่างมะพร้าวกะทิและกะทินั่นแตกต่างกันอย่างไร

     มะพร้าวกะทิ คือ มะพร้าวที่มีเนื้อในผลหนา 2-3 ซม. อ่อนนิ่ม เนื้อฟูคล้ายผิวมะกรูด น้ำในผลมีน้อย ลักษณะข้นเหนียว รสชาติเนื้อหวานมัน หอม นิยมรับประทานกันสด ๆ หรือ คู่กับน้ำเชื่อม “มะพร้าวกะทิ” หาทานยาก นาน ๆ จะพบในทะลายมะพร้าวพันธุ์ปกติบางต้นเท่านั้น ถ้าเป็นมะพร้าวกะทิให้ลองเขย่าจะไม่ได้ยินเสียงของน้ำข้างใน แต่ถ้าเป็นมะพร้าวแก่พร้อมแกงเขย่าแล้วจะได้ยินเสียงน้ำ เนื้อมะพร้าวกะทิมีเส้นใยอาหารสูง ดีกับระบบขับถ่าย มีไขมันต่ำ และมีกรดลอริกสูงถึง 46%

     กะทิ คือ มะพร้าวแก่ ผิวเปลือกสีน้ำตาล เบามาก เนื้อแข็งและหนา เขย่าจะได้ยินเสียงน้ำชัดเจนแต่มีน้อยรสเปรี้ยวกินไม่อ่อย คนไทยนิยมเอามาขูดเป็นฝอย เพื่อคั้นเป็น “กะทิ” ทำต้ม แกง หรือ โรยหน้าขนมหวานอาหารไทยที่คุ้นเคย เนื้อต้องแข็งและหนาจึงจะขูดง่ายได้น้ำกะทิเข้มข้นชาวสวนมักเรียกมะพร้าวที่แก่กว่าว่า “อันพี่” และมะพร้าวที่อ่อนกว่าว่า “อันน้อง” กะทิ น้ำสีขาว ข้น หอมมัน ที่ได้จากการคั้นเนื้อแก่ของมะพร้าว ถ้าแบบไม่ผสมเรียกว่า “หัวกะทิ” ถ้าผสมน้ำ 1 ส่วน เรียกว่า “หางกะทิ”  ในนี้มีทั้งโปรตีน วิตามิน แร่ธาตุและไขมันชนิดดี ที่พร้อมให้พลังงาน ไม่สะสม ไม่ทำให้อ้วน ที่สำคัญยังไปช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันจากอาหารอื่น ๆ ที่กินไปเข้าพร้อมกัน ถือเป็นการช่วยลดน้ำหนักไปในตัว ช่วยให้คอเลสโตรอล HDL สูงขึ้นและน้ำหนักลดลง  ในกะทิมี กรดลอริก (Lauric Acid) เป็นกรดไขมันมัน พอรับประทานเข้าไปร่างกายจะเปลี่ยนจากกรดลอริก เป็น โมโนลอริน กรดชนิดเดียวกับน้ำนมแม่ ซึ่งจะช่วยต่อต้านจุลินทรีย์ แบคทีเรีย ไวรัส เป็นต้น

     กะทิ เป็นหนึ่งในอาหารที่สร้างสุขภาพดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกอย่างหารับประทานได้ง่ายในปัจจุบัน แถมไขมันที่ได้จากกะทิเป็นไขมันดีไม่ก่อผลเสียให้กับร่างกายเราอย่างแน่นอนแต่ต้องเป็นกะทิแท้ 100% เท่านั้นนะคะ