บางคนบริโภคน้ำตาลในปริมาณมาก จนร่างกายเสพติดความหวาน จะรับประทานอะไรก็ต้องเติมน้ำตาล และในที่สุดเขาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นคนที่เสพติดน้ำตาลโดยไม่รู้ตัว หรือที่เราเรียกกันว่า "โรคติดหวาน" นั่นเอง
อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า การรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของ 'น้ำตาล' อยู่เป็นจำนวนมากนั้นไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย เนื่องจาก น้ำตาลที่มากเกินกว่าความจำเป็นของร่างกายจะถูกเปลี่ยนให้เป็นไขมันสะสม และไขมันตัวร้ายเหล่านี้จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน รวมถึงยังทำให้ผิวของคุณแห้งเหี่ยวก่อนวัยอันควรอีกด้วย
วิธีแก้โรคติดหวานแบบไม่เครียด
1. ทำใจให้สบาย เพราะเราจะไม่เลิกแบบหักดิบ แต่จะเป็นการค่อยๆ ลดปริมาณน้ำตาลที่รับประทานในแต่ละวันให้น้อยลงกว่าเดิม
2. เลิกกินของหวานหลังอาหารทุกมื้อ ลองลดของหวานในมื้อเย็นและบริโภคของหวานในเวลากลางวันแทน หรือถ้าหลังอาหารเย็นมีความอยากของหวานจริงๆ ให้เปลี่ยนเป็นผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล ส้ม สาลี่ หรือแตงโม ที่มีน้ำเยอะจะได้ชื่นใจ
3. เปลี่ยนจากการดื่มน้ำหวานเป็นน้ำเปล่า หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ให้เลือกน้ำผลไม้คั้นสด หรือน้ำผลไม้ปั่นแบบไม่ใส่น้ำตาลเพิ่ม เพราะในผลไม้มีน้ำตาลธรรมชาติอยู่แล้ว ส่วนเวลาบ่ายๆ คุณสามารถดื่มชาใส่นม หรือโยเกิร์ตพร้อมดื่มแบบปราศจากน้ำตาลก็ได้
4. เลือกรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ โดยเฉพาะผักใบเขียวผลไม้สด รวมถึงรับประทานธัญพืชต่างๆ เพราะไฟเบอร์จะช่วยให้คุณอิ่มมากขึ้น ลดความหิวระหว่างวันได้ดี
5. หักห้ามใจในการเติมน้ำตาลลงไปในอาหารทุกอย่างที่คุณรับประทาน หากช่วงแรกยังทำไม่ได้ เราขอแนะนำให้คุณค่อยๆ ลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งก่อน พอเริ่มคุ้นชินก็ลดลงเรื่อยๆ
5 วิธีง่ายๆ เพียงเท่านี้เราก็ไม่ต้องเสี่ยงกับโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจอีกต่อไปแล้ว และอย่าลืมเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารที่มีน้ำตาลน้อยๆ หรือหันมาบริโภคสารให้ความหวานจากธรรมชาติกันนะคะ
ด้วยความปรารถนาดีจาก
น้ำหวานดอกมะพร้าวออร์แกนิค ตราแมนเนเจอร์ (Organic Coconut Syrup By ManNature)
วิธีบำรุงผม เปลี่ยนผมเสียเป็นผมสวย
วิธี บำรุงผม เปลี่ยน ผมเสีย เป็น ผมสวย
ผงกล้วยน้ำว้าดิบ รักษากรดไหลย้อนได้จริงหรือไม่
ผงกล้วยน้ำว้าดิบ รักษา กรดไหลย้อน ได้จริงหรือไม่