ในยุคนี้ โทรศัพท์มือถือ กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญอย่างหนึ่ง ที่แทบทุกคนต้องใช้และพกติดตัวกันอยู่แล้ว และหลายคน อาจเข้าข่ายเป็น โรคติดมือถือ ได้ วันนี้เราจึงช่วยคุณมา เช็คพฤติกรรมของตนเอง ว่าคุณเข้าข่ายที่จะเป็นโรคนี้ หรือไม่
โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์ในการสื่อสาร ที่หลายคนในยุคนี้ ต้องมีติดตัวไว้อยู่เสมอ และใช้ในทำกิจกรรมต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เช่น การเรียน การทำงาน เล่นเกม การสนทนา ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น จนทำให้ โทรศัพท์มือถือ กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ สำหรับหลายคนไปแล้ว
การใช้ โทรศัพท์มือถือ ที่มากเกินไป ของคนในยุคนี้ อาจทำให้คุณ มีอาการ กลัวการขาดโทรศัพท์ ซึ่งในทางการแพทย์ ได้มีการนิยาม อาการนี้ว่าเป็นอาการ " โนโมโฟเบีย " ( Nomophobia ) โดยคำว่า โน ( No ) แปลว่า ไม่ คำว่า โม ( Mo- ) ย่อมาจาก โมบายโฟน (Mobile Phone) หรือโทรศัพท์มือถือ ส่วนคำว่า โฟเบีย ( Phobia ) แปลว่า ความกลัว หรืออาการหวาดกลัวสิ่งใดสิ่งหนึ่งไป เมื่อนำ 3 คำนี้มารวมกันว่า โนโมโฟเบีย จึงหมายถึง อาการกลัวการขาดโทรศัพท์มือถือ นั่นเอง
พฤติกรรมที่เข้าข่ายว่า ติดมือถือ
เป็นต้น
หากคุณมีพฤติกรรรมเหล่านี้ มากกว่า 1 ข้อ บอกได้เลยว่า คุณเข้าข่าย อาการ โนโมโฟเบีย ( Nomophobia ) หรือ อาการกลัวการขาดโทรศัพท์มือถือ เสียแล้ว
ผลกระทบของ การติดมือถือ
พฤติกรรม การติดมือถือ สามารถส่งผลเสียต่อร่างกาย ต่อผู้ติดมือถือ ดังต่อไปนี้
อาการเหล่านี้ ถึงแม้ว่า จะไม่รุนแรงมากนัก แต่จะดีกว่า หากไม่เกิด อาการต่าง ๆ เหล่านี้ขึ้น ซึ่งหากคุณมีพฤติกรรมในการใช้มือถือ จนถึงขั้น “ติด” มากเกินไป ควรปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในการใช้มือถือ โดยด่วน เพื่อสุขภาพของตัวท่านเอง
อ่านบทความเพิ่มเติม
ผงกล้วยน้ำว้าดิบ รักษากรดไหลย้อนได้จริงหรือไม่
ผงกล้วยน้ำว้าดิบ รักษา กรดไหลย้อน ได้จริงหรือไม่
ทำความรู้จักกับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1
ทำความรู้จักกับ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช1เอ็น1