กัญชาเป็นพืชที่มีคุณค่าและมีประโยชน์อย่างมาก
มีหลักฐานทางวิชาการที่แสดงว่ากัญชานั้นมีประสิทธิภาพในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้
และมีแนวโน้มการนำมาใช้ทางการแพทย์มากขึ้น
มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นมหาวิทยาลัยแรกในประเทศไทยที่ขออนุญาตทำงานวิจัยกัญชาทางการแพทย์อย่างถูกต้องและได้รับอนุญาตเป็นรายแรกในปี
2560 โดยมีเป้าหมายเพื่อวิจัยและพัฒนายาและตำรับยาที่พัฒนาจากกัญชาให้มีคุณภาพ
มีความปลอดภัยและมีประสิทธิผล มหาวิทยาลัยรังสิตจึงได้จัดตั้ง “สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์” ขึ้นมาเพื่อทำงานวิจัยกัญชาได้ทุกแง่มุมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ชาติในการบำบัดโรคและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยให้ดีขึ้น
โรคมะเร็งมีอัตราการเสียชีวิตสูง
ในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสำหรับโรคมะเร็งปอด ดังนั้น
การศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนายาต้านมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพยังมีความสำคัญต่อผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดเป็นอย่างยิ่ง
สารกลุ่มแคนนาบินอยด์ (cannabinoids) เป็นสารกลุ่มหลักที่พบในกัญชา
โดยมีสาร 9-เตตร้าไฮรโดรแคนนาบินอล (9-tetrahydrocannabinol) (THC) เป็นสารออกฤทธิ์ที่สำคัญ มีฤทธิ์ต่อจิตประสาทและมีฤทธิ์ต้านการเจริญเติบโตของมะเร็งหลายชนิดทั้งในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง
ส่วนสารแคนนาบินอล (cannabinol) (CBN)
เป็นสารที่เกิดจากการปฏิกิริยาของสาร THC ในระหว่างการเก็บรักษา
พบได้มากในกัญชาแห้ง ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานการศึกษาผลของสาร THC และ CBN ต่อเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในสัตว์ทดลอง
การศึกษาวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของสาร THC และ CBN
ต่อมะเร็งปอดของมนุษย์ในสัตว์ทดลอง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า
สารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากกัญชา คือ THC และ
CBN มีฤทธิ์ลดการเพิ่มจำนวนของเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในหลอดทดลองได้ดี
ดังนั้นจึงได้ทำการศึกษาผลจากสาร THC และ CBN จากกัญชาต่อเซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในหนูทดลอง พบว่าการฉีด THC และ CBN ในหนูทดลองที่เหนี่ยวนำให้เกิดเป็นมะเร็งด้วยเซลล์มะเร็งปอดปรากฏว่าหนูที่ได้รับสาร
THC และ CBN มีขนาดก้อนมะเร็งที่เล็กกว่าหนูกลุ่มที่ไม่ได้รับสาร
ถือว่าเป็นการค้นพบที่สำคัญมาก
ซึ่งมหาวิทยาลัยรังสิตมีทั้งผลงานวิจัยในหนูทดลองมีผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน
ทั้งเวเฟอร์จากสารสกัดกัญชา
น้ำมันกัญชาและสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปากที่ทุกอย่างผ่านการคัดกรองจากตำหรับยาไทย
ตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ฉบับหลวง
ที่เป็นตำราที่แพทย์ไทยแผนโบราณใช้อ้างอิงในการตรวจวินิจฉัย